เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเหนื่อยล้า ขาดแรงจูงใจหรือขาดพลังงาน สาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคประจำตัวที่มีความรุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก หรือเป็นผลมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น ขาดการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เพียงพอ
มีสาเหตุมาจากภาวะหรือโรคบางอย่างที่สามารถอธิบายได้หลายรูปแบบ โดยเป็นอาการที่ทำให้รู้สึกอ่อนแอ เหนื่อยล้า หรือหมดแรง ซึ่งอาการอ่อนเพลียอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุต่างๆ ดังนี้
อินทผลัมเป็นแหล่งพลังงานที่ดี มีน้ำตาลธรรมชาติสูง เช่น กลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส จึงเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ผู้คนนิยมทานอินทผาลัมเป็นของว่างทานเล่นเมื่อรู้สึกเซื่องซึมและเฉื่อยชา เพราะอินทผาลัมจะช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้อย่างรวดเร็ว
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าอินทผาลัมอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงสามารถช่วยฟื้นฟูพลังงานของร่างกายได้ทันทีที่รับประทาน ซึ่งบ่อยครั้งที่เราออกกำลังกายในยิมในฟิตเนส (indoor) หรือเล่นกีฬา Ourdoor เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือแม้กระทั่งบนเครื่องออกกำลังกายที่บ้าน เราจะรู้สึกเหนื่อยล้า หากรับประทานอินทผาลัมก็จะสามารถ recovery ระดับพลังงานในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
น้ำตาลในผลไม้ทุกชนิดเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ในทันที ซึ่งสตรอว์เบอร์รีก็มีน้ำตาลไม่แพ้กับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ทำให้รับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมได้
มะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม ให้พลังงาน 553 กิโลแคลอรี่ นับว่ามีพลังงานสูงมาก ช่วยให้ร่างกายมีพลัง ป้องกันการหมดเรี่ยวแรง และช่วยในการทำงานของหัวใจ
อัลมอนด์มีแมงกานีส ไรโบฟลาวิน และสังกะสีค่อนข้างสูง จึงเป็นแหล่งที่ดีของพลังงานของร่างกาย ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการอ่อนเพลียได้ ใครรู้สึกอ่อนแรงลองกินอัลมอนด์สัก 1 กำมือ สามารถช่วยให้คุณได้
สาเหตุหน้าหมองคล้ำเกิดจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งจะมีแบ่งออกเป็นสาเหตุหลักๆ ดังนี้
ในบางกรณีอาจอยู่ในภาวะหน้าหมองคล้ำจากแดด เพราะในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งแบ่งออกเป็น uva uvb
uva จะเป็นรังสีที่ทำให้สภาพผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้าแดด ฝ้ากระ ต่างๆ และยังสามารถทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
ส่วนรังสี uvb จะทำให้ผิวมีอาการแสบร้อน คัน หรือผิวคล้ำลง
ดังนั้น หากคุณมีการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นระยะเวลานานเกินไป โดยไม่ทาครีมกันแดด หรือเลือกครีมกันแดดที่มี SPF คือ ค่าความสามารถในการปกป้องไม่ให้เกิดผิวไหม้แดด และ PA คือค่าการป้องกันรังสียูวีเอ ไม่ให้ทำให้ผิวเกิดการเหี่ยวย่น หรือเป็นมะเร็งผิวหนัง ไม่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ ก็อาจจะทำให้ผิวไหม้แดแ หรือเกิดอาการหน้าหมองคล้ำจากแดดได้
“น้ำ” เป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักของร่างกายที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้นคุณควรสังเกตตนเองว่า ในแต่ละวันมีการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายหรือไม่? เพราะหากมีการดื่มน้ำน้อยจนเกินไป อาจทำให้ร่างกายตกอยู่ในสภาวะขาดน้ำได้ ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นในผิว ทำให้หน้าหมองคล้ำ โทรม เกิดริ้วรอย ริมฝีปากแห้ง ผิวแห้งกร้าน หรือเหี่ยวย่นได้
บางครั้ง สภาพอากาศและมลภาวะในแหล่งที่อยู่อาศัย หรือบริเวณโดยรอบของที่ทำงานเรา ก็อาจมีส่วนทำให้หน้าแห้งกร้าน หมองคล้ำได้
หากใครยังนึกภาพไม่ออก ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากคุณทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นๆเป็นเวลานาน อากาศภายในห้องที่มีความชื้นระดับต่ำ หรืออากาศเย็น จะดูดซับความชุ่มชื้นในผิวของเราออกไป ส่งผลให้ผิวแห้ง ผิวแตกลอก หน้าหมองคล้ำ เป็นต้น
อายุและช่วงวัย เป็นสาเหตุหน้าหมองคล้ำปัจจัยหนึ่ง ที่เป็นสิ่งที่ทุกๆคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่ออายุมากขึ้น ส่วนต่างๆของร่างกายจะเกิดความเสื่อมขึ้น ผิวที่เสื่อมสภาพลง จะทำให้เริ่มไม่กระชับดังเดิม มีริ้วรอยตามส่วนต่างๆ ฝ้ากระจุดด่างดำจะเพิ่มขึ้น และผิวหน้าหมองคล้ำลงนั่นเอง
สุขภาพจิตใจ มีความสัมพันธ์กับสุขภาพทางกาย และฮอร์โมนต่างๆภายในร่างกาย ยิ่งมีการสะสมความเครียดมาก ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้สภาพผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดสิว หรือริ้วรอยต่างๆตามมาได้
พฤติกรรมการนอนดึก การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการเข้านอนไม่เป็นเวลา ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ รวมไปจนถึงสภาพผิวที่ดูไม่สดชื่น แจ่มใส ใต้ตาหมองคล้ำ หรือดูโทรมได้
สิ่งนี้มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเมลาโทนิน(Melatonin) ที่ถูกผลิตมาจากสมองส่วนกลาง มักจะหลั่งออกมาช่วงเวลา 22.00 - 02.00 น. โดยฮอร์โมนนี้ มีส่วนช่วยในเรื่องของการนอนหลับ ช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตเอนไซม์ที่ต้านสารอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูผิวได้อีกด้วย
การสูบบุหรี่ อาจทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คุณคิด เพราะนอกจากจะทำให้ผิวมันขึ้นแล้ว ยังสามารถทำให้เลือดลมไม่ดี หน้าหมองคล้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน สภาพผิวไม่ดีเหมือนดั่งปกติอีกด้วย
ใครที่ต้องเผชิญแสงแดดในทุกวัน จนหน้าหมองคล้ำ เหมือนคนโดนของ! ขอแนะนำให้คุณพุ่งตัวไปสอยแครนเบอร์รี่มาทานด่วนเลยค่ะ เนื่องจากมีวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกู้ผิวพัง ให้กลับมาสวยออร่าดังเดิม อีกทั้งมีสารลูทีนและซีแซนทีนที่ช่วยปกป้องผิวและดวงตาจากแสงแดด พร้อมต้านมะเร็งได้ด้วย พลาดไม่ได้เด็ดขาด
สตรอว์เบอร์รี่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมหวาน ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด ที่สาวๆ ต้องทาน! นั่นคือ สตรอเบอร์รี่เลยค่ะ สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ ป้องกันริ้วรอย บำรุงเลือด บำรุงสายตา และช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิว ให้ผิวอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง พร้อมป้องกันแสง UV ไม่ให้ผิวคล้ำเสียอีกด้วย ไปหามาทานด่วน!
สารต้านอนุมูลอิสระในลูกเกด มีคุณสมบัติช่วยรักษาเซลล์ผิวให้อ่อนเยาว์ นอกจากนั้นยังมีสารอาหารที่มีคุณค่า เช่น วิตามินซี ซีลีเนียม และสังกะสี ที่ช่วยเสริมผิวให้แข็งแรง เปล่งปลั่ง
การรับประทานแอปริคอตเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย รับประทานเป็นประจำเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยในการฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ถั่วพิสตาชิโอมีวิตามินอีสูงมาก และวิตามินอีก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ข่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์จากอนุมูลอิสระ หากคุณต้องการให้ผิวของคุณอ่อนเยาว์และสุขภาพดี การบริโภคพิสตาชิโอจะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการปกป้องจากผลกระทบของมลภาวะ รังสียูวีและริ้วรอย
ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึง ป้องกันอันตรายจากรังสียูวีจากแสงแดด และช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้ปรับสภาพคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้แข็งแรง ทำให้ผิวชุ่มชื่น เรียบเนียนสวยงาม
ลูกพรุนอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมาย พร้อมทั้งวิตามินซี จึงมีส่วนช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังและป้องกันการเสียหายของเซลล์ผิว และด้วยความที่ลูกพรุนมีวิตามินซี จึงช่วยทำให้ผิวพรรณขาวใส เปล่งปลั่งอย่างมีสุขภาพดี
ที่สำคัญเลยคือกินลูกพรุนแล้วหน้าเด็กเพราะมีคุณสมบัติช่วยลดเรือยริ้วรอยและเพิ่มความกระชับให้แก่ผิวของคุณ
สาเหตุของปัญหาผมร่วงแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในร่างกายที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และปัจจัยภายนอก เช่น พฤติกรรม หรือ สภาพแวดล้อม เป็นต้น
ปัจจัยภายใน
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกรบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือด ฮีโมโกรบินมีหน้าที่จับกับออกซิเจนจากปอด แล้วนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และยังสามารถจับกับคาบอนไดออกไซด์ เพื่อลำเลียงไปให้ปอดขับออกจากร่างกายได้อีกด้วย
ฮีโมโกลบินแข็งแรงจากธาตุเหล็ก ก็จะสามารถลำเลียงออกซิเจนได้ดี เมื่อออกซิเจนถูกลำเลียงไปที่รากผมมากเพียงพอ รากผมก็จะมีออกซิเจนเพียงพอต่อการสร้างผม ทำให้ผมงอกได้ดีอย่างเป็นปกติ และทำให้ผมแข็งแรง ไม่ร่วงง่ายด้วย
แร่ธาตุทองแดง (Copper) เสริมความแข็งแรงของเคอราติน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมมีความยืดหยุ่นที่ดี ทำให้ดูผมสลวย ช่วยในการฟื้นฟูรูขุมขนบนศีรษะให้เปิดรับสารอาหารได้ดี
วิตามินบี มีส่วนช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม และวิตามินบียังมีส่วนของไบโอติน(วิตามิน B7) ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม
วิตามินบีจะทำหน้าที่สร้างความแข็งแรงให้เส้นผมด้วยการสร้างเม็ดเลือดแดง ที่มีหน้าที่นำพาออกซิเจน สารอาหาร ไปสู่เส้นผม เมื่อมีในปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็จะสร้างเส้นผมที่แข็งแรงได้นั้นเอง
วิตามินเอ เป็นวิตามินบํารุงผมที่สำคัญอย่างหนึ่ง เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ผมที่เป็นเซลล์ที่เจริญเติบโตได้เร็วที่สุดในร่างกายมนุษย์
นอกจากนี้วิตามินเอยังเป็นวิตามินต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยป้องกันเซลล์ต่างๆทำงานผิดปกติจากอนุมูลอิสระได้ วิตามินเอจึงมีประโยชน์อย่างมาก การใช้วิตามินเอเป็นประจำจึงอาจเป็นวิธีแก้ผมร่วงที่ได้ผล ช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณผิวหนังและหนังศีรษะมีสุขภาพดี
มีวิตามินไบโอติน หรือวิตามิน B7 (วิตามิน H) เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ช่วยแก้ผมร่วง บำรุงผมให้หนาขึ้น แข็งแรง ทำให้ผมไม่ร่วงง่าย แถมยังช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงอีกด้วย
วิตามินซีมีคุณสมบัติที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงอีกด้วย เพราะตัววิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่คอยสร้างสมดุลให้อนุมูลอิสระในร่างกายมีไม่มากจนเกินไป
ทำให้ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง และยังมีหน้าที่ช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังและป้องกันผมเปราะขาดหลุดร่วง
ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการสะสมของแก๊สที่อยู่รอบๆ หัวเข่า และก่อตัวขึ้นเป็นฟองแก๊สในน้ำเลี้ยงข้อเข่า ทำให้เมื่อขยับตัวหรือขยับหัวเข่าทำให้ฟองอากาศที่อยู่ในน้ำเลี้ยงข้อเข่าแตกตัวออก ทำให้เกิดเสียงขึ้นมา
อาการหัวเข่ามีเสียงจึงเป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อยเมื่องอเข่าเป็นเวลานาน เช่น การนั่งคุกเข่า การนั่งพับเพียบเป็นเวลา หรือลุกขึ้นจากเก้าอี้ และสามารถพบได้กับทุกคน
เสียงที่ดังก๊อกแก๊กจากหัวเข่าและมีอาการปวดร่วมด้วย เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่เตือนว่าหัวเข่าของคุณกำลังมีปัญหา และอาจจะเข้าข่ายโรคร้ายแรง โดยสาเหตุที่ทำให้หัวเข่ามีเสียงเมื่อขยับร่างกาย ส่วนใหญ่มักมาจากความผิดปกติของข้อเข่า ข้อเข่าเสื่อมสภาพ กระดูกอ่อนมีการสึกกร่อนตามธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่า
ทั้งนี้การสึกกร่อนตามธรรมชาติสามารถทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาได้
ฟิกอบแห้งมีแคลเซียมสูงกว่าฟิกสด กินแล้วมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง รักษาการทำงานของกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยให้หัวใจเต้นคงที่อีกด้วย ซึ่งนอกไปจากแคลเซียมแล้ว มะเดื่อ 149 กรัม ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ 52% ธาตุเหล็ก 17% และโพแทสเซียม 22%
กีวี่ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 34 มิลลิกรัม ใครที่อยากเสริมแคลเซียมให้ร่างกาย ผลไม้อย่างกีวี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์
ซึ่งนอกจากมีแคลเซียมแล้ว มีวิตามิน C สูง ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและเนื้อเยื่อเอ็นกระดูกอ่อน
ภาวะท้องผูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่
มีประโยชน์อยู่ที่ไฟเบอร์สูง ดีต่อกระบวนการกำจัดของเสียในร่างกาย โดยในผลมะเดื่อสดจะมีเส้นใยอาหารอยู่ราว ๆ 1.2% ส่วนในผลมะเดื่อฝรั่งอบแห้งมีเส้นใยอาหารสูงถึง 5.6% เลยทีเดียว เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่ม ฉะนั้นคนที่มีปัญหาท้องผูกหายห่วงได้เลย
ผลไม้ชนิดนี้ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกหรือขับถ่ายลำบากได้ดีเลย เพราะลูกพรุน 1 ลูก มีปริมาณไฟเบอร์สูงถึง 1.4 กรัมเลยทีเดียว ยิ่งหากกินลูกพรุนแล้วดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตรไปด้วย ระบบขับถ่ายจะยิ่งคล่องตัวเป็นทวีคูณ
นอกจากนี้ลูกพรุนยังมีไขมันต่ำและแคลอรีน้อย คือ 1 ผล ให้พลังงานราว ๆ 20-25 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง กินเป็นประจำก็ช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยนะคะ
อีกหนึ่งผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องช่วยย่อย สับปะรดก็มีน้ำย่อยจากธรรมชาติในตัวเอง ช่วยย่อยอาหารจำพวกโปรตีน (มื้อไหนที่ทานเนื้อสัตว์เยอะๆ เช่น เพิ่งลุยเนื้อกระทะมา อย่าลืมตบด้วยสัปปะรด)
ดังนั้นใครรู้สึกอาหารไม่ค่อยย่อย ถ่ายไม่ค่อยออก ลองกินสับปะรดเข้าไปช่วยแก้ปัญหานี้ดู ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบขับถ่ายได้ดีสุดๆ ส่วนใยอาหารในสับปะรดก็ช่วยลดน้ำหนักได้ และยังทำให้รู้สึกอิ่มเร็วด้วย กินสัก 8 ชิ้นคำ รับพลังงานไปราว ๆ 60 กิโลแคลอรี่
พลับแห้งมีเส้นใยอาหารหรือกากใยสูงมาก จึงช่วยในการทำงานของระบบลำไส้ ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเสียได้ดี ลดอาการท้องผูก โรคริดสีดวงทวาร
หากกินลูกพลับเป็นประจำก็จะช่วยแก้อาการท้องเดิน ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ระบบขับถ่ายก็จะทำงานได้เป็นปกติ
ช่วยย่อยอาหาร ลูกเกดเต็มไปด้วยไฟเบอร์มหาศาลที่ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และเป็นยาระบายอ่อนๆ ตามธรรมชาติ การบริโภคลูกเกดทุกวันจึงช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
มันหวานมีไฟเบอร์ 2 ชนิด ได้แก่ ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้ โดยไฟเบอร์แบบละลายน้ำได้จะเข้าไปดูดซับน้ำในระบบทางเดินอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก
และเมื่อไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิด ได้เจอกับกลุ่มแบคทีเรียชั้นดีในลำไส้ ก็จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตสารประกอบชนิดกรดไขมันสายสั้น เพื่อเป็นพลังงานในลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง ย่อยอาหาร และดูดซึมสารอาหารได้ดี
อัลมอนด์ถือเป็นถั่วที่นิยมนำมาปรุงอาหารคาวและอาหารหวาน ซึ่งถั่วอัลมอนด์ถือเป็นแหล่งของแมงกานีส ไบโอติน คอปเปอร์ วิตามินอี และไบโอฟลาวิน ที่ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง นอกจากนี้งาดำมีแคลเซียมสูงถึง 975 มก. ต่อ 100 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการต่อวัน
โรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียฮอร์โมนเพศหญิงเนื่องจากหมดประจำเดือน โดยพบว่า 25% ของสตรีที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะเป็นโรคกระดูกพรุน รวมถึงสตรีที่หมดประจำเดือนเร็วหรือได้รับการผ่าตัดรังไข่ทิ้งก่อนอายุ 45 ปีก็จะมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้มาก นอกจากนี้ยังพบว่าอายุก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคกระดูกพรุนเช่นกัน โดยประมาณหลังอายุ 50 ปีไปแล้ว กระดูกจะบางลง 1-3% ทุกปี
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้ เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน ขาดวิตามินดีหรือแคลเซียม ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ สูบบุหรี่ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วจากการโหมออกกำลังกายหรืออดอาหาร ใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด ฮอร์โมนไม่สมดุล เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคทางเดินอาหารผิดปกติ เป็นต้น
เป็นผลไม้อุดมแคลเซียม โดยกีวี 1 ผลให้แคลเซียมถึง 60 มก. ทั้งยังมีวิตามิน C, K และ E รวมถึงโฟเลตและโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมวลกระดูก ทำให้ลำไส้สะอาดขึ้น ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารต่างๆ รวมถึงแคลเซียมได้ดีขึ้นด้วย
สตรอว์เบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินดี ธาตุแมกนีเซียม และฟอสฟอรัส โดยวิตามินซีจะช่วยชะลอการสูญเสียกระดูก อีกทั้งยังเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกหักอีกด้วย
ถั่วที่นิยมนำมาเป็นส่วนหนึ่งของขนมหวานอย่าง ถั่วอัลมอนด์ ถูกจัดว่าเป็นแหล่งของแมงกานีส วิตามินอี ไบโอติน คอปเปอร์ และไบโอฟลาวิน ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงนั้นเอง
ลูกเกดเป็นแหล่งแคลเซียมร่างกายใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน เพิ่มความหนาแน่นให้มวลกระดูก ทำให้กระดูกมีความแข็งแรง
มีแคลเซียมสูงกว่าปลา 2 เท่า ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันกระดูกพรุน
พรุนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เนื่องจากมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการพัฒนาโครงสร้างของกระดูก อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมกระดูกให้แข็งแรงด้วย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม วิตามินเค ทองแดง และสังกะสี
เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นแหล่งธาตุทองแดง (Copper) เป็นธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กเพื่อสร้างฮีโมโกลบิน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
ในถั่วแมคคาเดเมียมีฟอสฟอรัสซึ่งมีส่วนในการบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยในการเผาผลาญอาหาร ช่วยดูดซึมและขนส่งสารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แคลเซียมช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันแข็งแรง หรือแมงกานีสที่ช่วยในสร้างเนื้อเยื่อกระดูกใหม่
นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและลดความรุนแรงของโรคไขข้ออักเสบอีกด้วย
นอกจากการเสริมวิตามินและแร่ธาตุรวมอย่างครบถ้วนแล้ว การดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ งดการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ควบคู่กันจะช่วยลดปัญหาสุขภาพในวัยทำงานให้หมดไป